ระบบเบรกรถยนต์ในบัจจุบันเป็นแบบไฮโดรลิก แบ่งออกเป็น
2 แบบ คือ แบบดรัมเบรก และแบบดิสเบรก ระบบเบรก ทั้งสองระบบมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ได้มีการพัฒนาปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้การใช้งานตรงกับความต้องการของผู้ใช้รถมากที่สุด
1. ระบบเบรกแบบดรัมเบรก (Drum Brake)
ดรัมเบรกจะติดตั้งแน่นกับลูกล้อ เบรกจะทำงานเมื่อมีการถ่างก้ามเบรกให้เสียดสีกับตัวเบรกซึ่งครัมเบรกจะทำให้ล้อหยุด
ดรัมเบรกใช้มากในรถบรรทุกทั้งขนาดใหญ่และเล็ก รวมทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลบางรุ่น รถบางรุ่นอาจใช้ระบบนี้เฉพาะล้อหลัง
ข้อดี
มีความสามารถในการหยุดรถได้เร็ว เพราะก้ามเบรกและดรัมเบรกถูกยึดติดกับดุมล้อ
เมื่อเหยียบเบรก คนขับใช้แรงกดดันเบรกน้อย รถบางรุ่นไม่จำเป็นต้องใช้หม้อลมเบรกช่วยในการเบรก
ข้อเสีย ความร้อนที่เกิดจากการเสียดสี
ระหว่างผ้าเบรกในดรัมเบรกนั้น ไม่สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี
บางครั้งทำให้ผ้า เบรกมีอุณหภูมิสูง
มากมีผลทำให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลง
2. ระบบเบรกแบบดิสก์เบรก (Disc Brake)
เป็นระบบเบรกระบบใหม่ที่นิยมกันมาก เบรกจะทำงานโดยดันผ้าเบรกให้สัมผัสกับจานเบรกเพื่อให้รถหยุด
รถยนต์บางรุ่นใช้ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ
บางรุ่นใช้เฉพาะล้อหน้า
ข้อดี ลดอาการเฟด (เบรกหาย)
เนื่องจากอากาศได้เทความร้อนได้ดีกว่าดรัมเบรก นอกจากนั้นเมื่อเบรกเปียกน้ำผ้าเบรก จะสลัดน้ำออกจาก ระบบได้ดี
ในขณะที่ดรัมเบรกน้ำจะขังอยู่ภายใน และใช้เวลาถ่ายเทค่อนข้างช้า
ข้อเสีย ไม่มีระบบ Servo
action หรือ multiplying action เหมือนกับดรัมเบรก ผู้ขับจึงต้องออกแรงมากกว่า
จึงต้องใช้ระบบเพิ่มกำลัง เพื่อเป็นการผ่อนแรงขณะเหยียบเบรกทำให้ระบบดิสเบรกมีราคาค่อนข้างแพงกว่าดรัมเบรก