วิธีล้างหม้อน้ำ |
คุณควรพยายามตรวจเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำ
ถังพักน้ำบ่อยๆ แต่ว่าต้องทำในช่วงที่เครื่องเย็นเท่านั้นนะคะ
ไม่อย่างนั้นจะเกิดอันตรายถูกน้ำร้อนลวกได้ การตรวจสอบถ้าพบว่าน้ำพร่องไปบ้าง
แบบไม่มากนัก ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่ก็อย่าลืมเติมเพิ่มเข้าไปให้อยู่ในระดับปกติ แต่ถ้าลดลงมาก
เติมแล้วไม่นานก็ลดอีก ทีนี้ต้องไล่ดูแล้วว่ามันรั่วตรงไหน
แล้วจัดการแก้ไขเสียให้เรียบร้อย ส่วนหม้อน้ำที่ปกติดี ไม่รั่วไม่ซึม
ก็ไม่ได้หมายความจะปล่อยปละละเลยเอาตามใจชอบได้นะครับ ต้องคอยดูด้วยว่า
มันสกปรกเกินไปหรือไม่ วิธีการก็ดูจากน้ำว่ามันใส มันขุ่น แค่ไหน
ถ้าขุ่นชนิดภาษาชาวบ้านเรียกว่าขุ่นคลั่กละก็ คงต้องล้างกันสักหน่อยแล้ว
วิธีล้างหม้อน้ำ
สนิม,ฝุ่นและสิ่งสกปรกไม่ได้มาจากเครื่องยนต์เท่านั้น
แต่ยังมาจากระบบหล่อเย็นอีกด้วย
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องทำความสะอาดหม้อน้ำซึ่งเป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งในการดูแลรักษารถยนต์
ระบบหล่อเย็นของรถทำหน้าที่ปกป้องเครื่องยนต์จากความร้อนที่เกิดจากเครื่องยนต์ เพื่อเครื่องยนต์จะทำงานได้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม
การดูแลให้ระบบหล่อเย็นไม่เป็นสนิมไม่มีฝุ่น ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีที่สุด
โชคดีที่เราไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดหม้อน้ำอยู่บ่อยๆ
เหมือนกับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง (ทุกๆ 2 ปีก็เพียงพอ)
แต่มันก็ง่ายเช่นกัน เพียงทำตามคำแนะจากผู้เชี่ยวชาญของคาสตรอล
ทีละขั้นตอนเท่านั้น
- ตัวทำละลาย (1-2 แกลลอล หรือ 4-8 ลิตร)
- ที่รองหรือถังน้ำ
- สายยางพร้อมก๊อก
- ถุงมือ (ควรกันน้ำได้)
- แปรงไนล่อนที่มีขนนิ่ม
- น้ำสบู่
- แว่นตานิรภัย
- ภาชนะมิดชิดเพื่อทิ้งตัวทำละลาย (ตัวทำละลายมีพิษมากและควรทำลายอย่างถูกต้อง)
- ผ้าขี้ริ้ว
- คีมและไขควง (หากจำเป็น)
สิ่งสำคัญที่สุดลำดับแรก เครื่องยนต์ต้องเย็นก่อน
หากเครื่องยนต์ร้อนนั่นหมายถึงการที่สารหล่อเย็นร้อนไปด้วย
และเป็นไปได้ที่จะทำให้คุณได้รับอันตรายเมื่อเปิดฝาหม้อน้ำ
และน้ำเย็นก็สามารถทำความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ที่ร้อนด้วย
เปิดกระโปรงรถและติดตั้งขาตั้งให้แน่นเพื่อป้องกันการปิดทับลงมา
แล้วใช้แปรงไนลอนจุ่มน้ำสบู่เพื่อขัดทำความสะอาดพวกแมลงหรือฝุ่นต่างๆ
ที่ติดอยู่ที่หม้อน้ำ
โดยต้องเช็ดไปในทางที่ไม่สวนกับการหมุนของใบพัดเพราะใบพัดโค้งงอได้ง่าย
และอาจเสียรูปทรง เมื่อใบพัดสะอาดให้ใช้สายยางฉีดน้ำทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่ง
แม้ว่าคุณจะล้างหม้อน้ำทุกๆ
2 ปี แต่เราแนะนำให้มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหม้อน้ำ
ทุกๆ 20,000 กม. สำหรับน้ำยาหม้อน้ำชนิดเข้มข้นที่ต้องผสมน้ำก่อนใช้
ทั้งนี้ควรอ้างอิงคู่มือการใช้ของรถแต่ละรุ่นเป็นหลัก
การทิ้งสารหล่อเย็นที่ใช้แล้วด้วยวิธีที่เหมาะสมนั้น
สำคัญมาก เพราะสารหล่อเย็นมีพิษสูงแต่ด้วยกลิ่นหวานๆ ล่อใจเด็กๆ และแมลงมาก
เราจึงไม่ควรทิ้งสารหล่อเย็นเอาไว้ หรือเทลงบนดิน
ควรแน่ใจว่าภาชนะที่นำมารองจะไม่เอาไปใช้ในงานครัวอีก
ควรเลือกใช้ภาชนะที่ใช้แล้วทิ้งจะดีกว่า
และควรจะมีขนาดเล็กพอดีที่จะใส่ใต้ท้องรถได้พอดี
ฝาหม้อน้ำถูกปิดด้วยแรงดันเพื่อเก็บสารหล่อเย็นเอาไว้เพื่อรักษาเครื่องยนต์ให้เย็น
แรงดันของสารหล่อเย็นแตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของเครื่องยนต์
และบนฝาจะระบุแรงดันเอาไว้
ฝาหม้อน้ำจะประกอบด้วยสปริงและยาง
ความแข็งของสปริงและยางจะเป็นตัวบอกได้ว่าหม้อน้ำมีแรงดันมากน้อยเพียงใด
และสามารถทนแรงดันได้เท่าไร ถ้าสามารถกดสปริงได้ง่าย
ก็ถึงเวลาที่ควรจะต้องเปลี่ยนฝาใหม่แล้ว สัญญาณอีกอย่างที่จะบอกได้ว่าเราควรเปลี่ยนได้
คือ มีสนิมมากหรือการเสื่อมสภาพของยางโดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก 2 ปี หรือจำง่ายๆ ว่า เราล้างหม้อน้ำเมื่อไร
ก็เปลี่ยนฝาใหม่ไปพร้อมกันเลย และอย่าลืมว่าฝาหม้อน้ำต่างกัน
และก็ทนแรงดันต่างกันด้วย
ขั้นต่อไปคือ การตรวจดูท่อของหม้อน้ำ ซึ่งจะมีอยู่ 2 สาย
สายแรกอยู่ด้านบนของหม้อน้ำซึ่งเป็นสายที่นำเอาสารหล่อเย็นที่ร้อนออกจากเครื่องยนต์
อีกสายอยู่ด้านล่างซึ่งจะเป็นสายที่นำเอาสารหล่อเย็นเข้าไปหล่อเย็นเครื่องยนต์
ก่อนการเปลี่ยนสารหล่อเย็นควรตรวจสอบสภาพของสายทั้ง 2เส้น
และก้านยึดก่อนว่ายังอยู่ในสภาพดีแข็งแรงไม่เป็นสนิม
ถ้าชำรุดหรือมีปัญหาที่สายใดสายหนึ่ง ควรเปลี่ยนพร้อมกันทั้งคู่
ควรเลือกสายที่มีลักษณะอ่อนนุ่มมีความคงตัวสูง แล้วจึงค่อยทำความสะอาดหม้อน้ำ
วาล์วทิ้งของเสียของหม้อน้ำควรจะมีที่จับ
เพื่อจะได้ง่ายต่อการเปิด ให้ขันสกรูออก (อย่าลืมว่าใส่ถุงมือด้วย เพราะสารหล่อเย็นนั้นมีพิษ)
และปล่อยให้สารหล่อเย็นไหลออกมาลงภาชนะที่เรารองไว้ด้านล่างของรถตามขั้นตอนที่ 4 เมื่อไหลออกหมดแล้วให้ปิดวาล์วนั้น
และใช้กรวยเติมสารหล่อเย็นที่ใช้แล้วเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด
แล้วรองถาดกลับเข้าไปที่เดิม
ตอนนี้เราพร้อมที่จะล้างหม้อน้ำแล้ว
ใช้สายยางเติมน้ำลงในหม้อน้ำจนกระทั่งเต็ม
แล้วจึงเปิดวาล์วออกเพื่อให้น้ำไหลลงไปให้หมดเพื่อล้างหม้อน้ำ
ทำซ้ำจนกระทั่งน้ำที่ไหลออกมาใส แล้วนำน้ำล้างเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด
ปิดวาล์วให้เรียบร้อย
สารหล่อเย็นที่ดีควรมาจากการผสมสารหล่อเย็นเข้มข้นกับน้ำในอัตราส่วนที่เท่ากัน
ควรใช้น้ำกลั่นในการผสม เนื่องจากสะอาดและป้องกันการเกิดตะกรัน
ควรผสมในภาชนะอื่นให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วจึงนำมาเติมในหม้อน้ำ
โดยทั่วไปหม้อน้ำจะมีความจุประมาณ 2 แกลลอน
ท้ายสุด
เราต้องปล่อยฟองอากาศที่อาจมีในระบบหล่อเย็น
โดยติดเครื่องยนต์ในขณะที่ปิดฝาหม้อน้ำด้วย (เพื่อป้องกันการเกิดแรงดัน)
โดยปล่อยให้เครื่องทำงานประมาณ 15 นาที
แล้วเปิดฮีทเตอร์ให้ร้อน
การกระทำนี้จะช่วยในการหมุนเวียนของสารหล่อเย็นและเป็นการไล่อากาศที่มีอยู่ในระบบ
ทำให้มีพื้นที่ในการเติมสารหล่อเย็นได้อีกนิดหน่อย แล้วจึงเติมสารหล่อเย็นลงไป
ระวังฟองอากาศที่จะถูกแทนที่โดยสารหล่อเย็นกระเด็น เพราะมันค่อนข้างร้อน จากนั้นปิดฝาและเช็ดของเหลวส่วนเกินออกให้สะอาด
ตรวจสอบความเรียบร้อยของฝาปิดต่างๆ, ผ้าที่เช็ด, สายท่อเก่า
และภาชนะที่ต้องทำลาย มันสำคัญมากที่จะทิ้งสารหล่อเย็นอย่างเหมาะสมเช่นเดียวกับน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว
อย่าลืมว่าสารหล่อเย็นมีกลิ่นที่เด็กๆ ชอบดังนั้นอย่าปล่อยทิ้งเอาไว้
นำเอาไปทิ้งที่รับขยะรีไซเคิลที่อยู่ใกล้บ้าน อย่าทิ้งเอาไว้
ดูคำแนะนำเกี่ยวกับการทำลายวัตถุอันตรายที่ส่วนของน้ำมันเครื่อง
วิธีล้างหม้อน้ำนั้นไม่ยากเลยนะคะ คุณสามารถทำได้เอง
คุณลองล้างหม้อน้ำเองดูนะคะ
ทีมา: WWW.CASTROL.COM
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น