วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

วิธีล้างหม้อน้ำ

รถยนต์ที่มีสภาพปกติ น้ำในระบบหม้อน้ำและระบายความร้อนจะพร่องลงช้ามาก ไม่จำเป็นต้องเปิดดูทุกวันก็ยังได้ แต่ก็ไม่ควรละเลยการตรวจระดับ และเติมไว้ตามกำหนด ความสะอาดของน้ำที่หมุนเวียนอยู่ภายใน มีผลต่อประสิทธิภาพการระบายความร้อน และการกัดกร่อน ยิ่งน้ำสกปรกเท่าไร ก็ยิ่งระบายความร้อนได้ไม่ดี และกัดกร่อนสิ่งที่น้ำหมุนเวียนผ่านได้ โดยเฉพาะตัวหม้อน้ำ การล้างหม้อน้ำด้วยตัวเองจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ


วิธีล้างหม้อน้ำ
วิธีล้างหม้อน้ำ



คุณควรพยายามตรวจเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำ ถังพักน้ำบ่อยๆ แต่ว่าต้องทำในช่วงที่เครื่องเย็นเท่านั้นนะคะ ไม่อย่างนั้นจะเกิดอันตรายถูกน้ำร้อนลวกได้ การตรวจสอบถ้าพบว่าน้ำพร่องไปบ้าง แบบไม่มากนัก ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็อย่าลืมเติมเพิ่มเข้าไปให้อยู่ในระดับปกติ แต่ถ้าลดลงมาก เติมแล้วไม่นานก็ลดอีก ทีนี้ต้องไล่ดูแล้วว่ามันรั่วตรงไหน แล้วจัดการแก้ไขเสียให้เรียบร้อย ส่วนหม้อน้ำที่ปกติดี ไม่รั่วไม่ซึม ก็ไม่ได้หมายความจะปล่อยปละละเลยเอาตามใจชอบได้นะครับ ต้องคอยดูด้วยว่า มันสกปรกเกินไปหรือไม่ วิธีการก็ดูจากน้ำว่ามันใส มันขุ่น แค่ไหน ถ้าขุ่นชนิดภาษาชาวบ้านเรียกว่าขุ่นคลั่กละก็ คงต้องล้างกันสักหน่อยแล้ว

วิธีล้างหม้อน้ำ
สนิม,ฝุ่นและสิ่งสกปรกไม่ได้มาจากเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังมาจากระบบหล่อเย็นอีกด้วย และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องทำความสะอาดหม้อน้ำซึ่งเป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งในการดูแลรักษารถยนต์ ระบบหล่อเย็นของรถทำหน้าที่ปกป้องเครื่องยนต์จากความร้อนที่เกิดจากเครื่องยนต์ เพื่อเครื่องยนต์จะทำงานได้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม การดูแลให้ระบบหล่อเย็นไม่เป็นสนิมไม่มีฝุ่น ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีที่สุด
โชคดีที่เราไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดหม้อน้ำอยู่บ่อยๆ เหมือนกับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง (ทุกๆ 2 ปีก็เพียงพอ) แต่มันก็ง่ายเช่นกัน เพียงทำตามคำแนะจากผู้เชี่ยวชาญของคาสตรอล ทีละขั้นตอนเท่านั้น

สิ่งจำเป็น
  • ตัวทำละลาย (1-2 แกลลอล หรือ 4-8 ลิตร)
  • ที่รองหรือถังน้ำ
  • สายยางพร้อมก๊อก
  • ถุงมือ (ควรกันน้ำได้)
  • แปรงไนล่อนที่มีขนนิ่ม
  • น้ำสบู่
  • แว่นตานิรภัย
  • ภาชนะมิดชิดเพื่อทิ้งตัวทำละลาย (ตัวทำละลายมีพิษมากและควรทำลายอย่างถูกต้อง)
  • ผ้าขี้ริ้ว
  • คีมและไขควง (หากจำเป็น)

ขั้นตอนที่ 1 - สิ่งแรกที่สำคัญ
สิ่งสำคัญที่สุดลำดับแรก เครื่องยนต์ต้องเย็นก่อน หากเครื่องยนต์ร้อนนั่นหมายถึงการที่สารหล่อเย็นร้อนไปด้วย และเป็นไปได้ที่จะทำให้คุณได้รับอันตรายเมื่อเปิดฝาหม้อน้ำ และน้ำเย็นก็สามารถทำความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ที่ร้อนด้วย
ขั้นตอนที่ 2 - ทำความสะอาดหม้อน้ำ
เปิดกระโปรงรถและติดตั้งขาตั้งให้แน่นเพื่อป้องกันการปิดทับลงมา แล้วใช้แปรงไนลอนจุ่มน้ำสบู่เพื่อขัดทำความสะอาดพวกแมลงหรือฝุ่นต่างๆ ที่ติดอยู่ที่หม้อน้ำ โดยต้องเช็ดไปในทางที่ไม่สวนกับการหมุนของใบพัดเพราะใบพัดโค้งงอได้ง่าย และอาจเสียรูปทรง เมื่อใบพัดสะอาดให้ใช้สายยางฉีดน้ำทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่ง
แม้ว่าคุณจะล้างหม้อน้ำทุกๆ 2 ปี แต่เราแนะนำให้มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหม้อน้ำ ทุกๆ 20,000 กม. สำหรับน้ำยาหม้อน้ำชนิดเข้มข้นที่ต้องผสมน้ำก่อนใช้ ทั้งนี้ควรอ้างอิงคู่มือการใช้ของรถแต่ละรุ่นเป็นหลัก
ขั้นตอนที่ 3 - การทิ้งสารหล่อเย็นที่ใช้แล้วด้วยวิธีที่เหมาะสม
การทิ้งสารหล่อเย็นที่ใช้แล้วด้วยวิธีที่เหมาะสมนั้น สำคัญมาก เพราะสารหล่อเย็นมีพิษสูงแต่ด้วยกลิ่นหวานๆ ล่อใจเด็กๆ และแมลงมาก เราจึงไม่ควรทิ้งสารหล่อเย็นเอาไว้ หรือเทลงบนดิน ควรแน่ใจว่าภาชนะที่นำมารองจะไม่เอาไปใช้ในงานครัวอีก ควรเลือกใช้ภาชนะที่ใช้แล้วทิ้งจะดีกว่า และควรจะมีขนาดเล็กพอดีที่จะใส่ใต้ท้องรถได้พอดี
เมื่อหาที่รองที่เหมาะสมได้แล้ว เลื่อนมันเข้าไปใต้ท้องรถและจัดให้อยู่ตรงกับวาล์วของท่อทิ้ง
ขั้นตอนที่ 4 - ตรวจสอบฝาหม้อน้ำ
ฝาหม้อน้ำถูกปิดด้วยแรงดันเพื่อเก็บสารหล่อเย็นเอาไว้เพื่อรักษาเครื่องยนต์ให้เย็น แรงดันของสารหล่อเย็นแตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของเครื่องยนต์ และบนฝาจะระบุแรงดันเอาไว้
ฝาหม้อน้ำจะประกอบด้วยสปริงและยาง ความแข็งของสปริงและยางจะเป็นตัวบอกได้ว่าหม้อน้ำมีแรงดันมากน้อยเพียงใด และสามารถทนแรงดันได้เท่าไร ถ้าสามารถกดสปริงได้ง่าย ก็ถึงเวลาที่ควรจะต้องเปลี่ยนฝาใหม่แล้ว สัญญาณอีกอย่างที่จะบอกได้ว่าเราควรเปลี่ยนได้ คือ มีสนิมมากหรือการเสื่อมสภาพของยางโดยทั่วไปควรเปลี่ยนทุก 2 ปี หรือจำง่ายๆ ว่า เราล้างหม้อน้ำเมื่อไร ก็เปลี่ยนฝาใหม่ไปพร้อมกันเลย และอย่าลืมว่าฝาหม้อน้ำต่างกัน และก็ทนแรงดันต่างกันด้วย
ขั้นตอนที่ 5 - การตรวจดูท่อของหม้อน้ำ
ขั้นต่อไปคือ การตรวจดูท่อของหม้อน้ำ ซึ่งจะมีอยู่ 2 สาย สายแรกอยู่ด้านบนของหม้อน้ำซึ่งเป็นสายที่นำเอาสารหล่อเย็นที่ร้อนออกจากเครื่องยนต์ อีกสายอยู่ด้านล่างซึ่งจะเป็นสายที่นำเอาสารหล่อเย็นเข้าไปหล่อเย็นเครื่องยนต์ ก่อนการเปลี่ยนสารหล่อเย็นควรตรวจสอบสภาพของสายทั้ง 2เส้น และก้านยึดก่อนว่ายังอยู่ในสภาพดีแข็งแรงไม่เป็นสนิม ถ้าชำรุดหรือมีปัญหาที่สายใดสายหนึ่ง ควรเปลี่ยนพร้อมกันทั้งคู่ ควรเลือกสายที่มีลักษณะอ่อนนุ่มมีความคงตัวสูง แล้วจึงค่อยทำความสะอาดหม้อน้ำ
ขั้นตอนที่ 6 - ถ่ายน้ำยาหม้อน้ำที่ใช้แล้ว
วาล์วทิ้งของเสียของหม้อน้ำควรจะมีที่จับ เพื่อจะได้ง่ายต่อการเปิด ให้ขันสกรูออก (อย่าลืมว่าใส่ถุงมือด้วย เพราะสารหล่อเย็นนั้นมีพิษ) และปล่อยให้สารหล่อเย็นไหลออกมาลงภาชนะที่เรารองไว้ด้านล่างของรถตามขั้นตอนที่ 4 เมื่อไหลออกหมดแล้วให้ปิดวาล์วนั้น และใช้กรวยเติมสารหล่อเย็นที่ใช้แล้วเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด แล้วรองถาดกลับเข้าไปที่เดิม
ขั้นตอนที่ 7 - ทำความสะอาดหม้อน้ำ
ตอนนี้เราพร้อมที่จะล้างหม้อน้ำแล้ว ใช้สายยางเติมน้ำลงในหม้อน้ำจนกระทั่งเต็ม แล้วจึงเปิดวาล์วออกเพื่อให้น้ำไหลลงไปให้หมดเพื่อล้างหม้อน้ำ ทำซ้ำจนกระทั่งน้ำที่ไหลออกมาใส แล้วนำน้ำล้างเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด ปิดวาล์วให้เรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 8 - เติมน้ำยาหม้อน้ำ
สารหล่อเย็นที่ดีควรมาจากการผสมสารหล่อเย็นเข้มข้นกับน้ำในอัตราส่วนที่เท่ากัน ควรใช้น้ำกลั่นในการผสม เนื่องจากสะอาดและป้องกันการเกิดตะกรัน ควรผสมในภาชนะอื่นให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วจึงนำมาเติมในหม้อน้ำ โดยทั่วไปหม้อน้ำจะมีความจุประมาณ 2 แกลลอน
ขั้นตอน 9 - ไล่ฟองอากาศในระบบ
ท้ายสุด เราต้องปล่อยฟองอากาศที่อาจมีในระบบหล่อเย็น โดยติดเครื่องยนต์ในขณะที่ปิดฝาหม้อน้ำด้วย (เพื่อป้องกันการเกิดแรงดัน) โดยปล่อยให้เครื่องทำงานประมาณ 15 นาที แล้วเปิดฮีทเตอร์ให้ร้อน การกระทำนี้จะช่วยในการหมุนเวียนของสารหล่อเย็นและเป็นการไล่อากาศที่มีอยู่ในระบบ ทำให้มีพื้นที่ในการเติมสารหล่อเย็นได้อีกนิดหน่อย แล้วจึงเติมสารหล่อเย็นลงไป ระวังฟองอากาศที่จะถูกแทนที่โดยสารหล่อเย็นกระเด็น เพราะมันค่อนข้างร้อน จากนั้นปิดฝาและเช็ดของเหลวส่วนเกินออกให้สะอาด
ขั้นตอนที่ 10 - ทำความสะอาดและตรวจสอบความเรียบร้อย
ตรวจสอบความเรียบร้อยของฝาปิดต่างๆ, ผ้าที่เช็ด, สายท่อเก่า และภาชนะที่ต้องทำลาย มันสำคัญมากที่จะทิ้งสารหล่อเย็นอย่างเหมาะสมเช่นเดียวกับน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้ว อย่าลืมว่าสารหล่อเย็นมีกลิ่นที่เด็กๆ ชอบดังนั้นอย่าปล่อยทิ้งเอาไว้ นำเอาไปทิ้งที่รับขยะรีไซเคิลที่อยู่ใกล้บ้าน อย่าทิ้งเอาไว้ ดูคำแนะนำเกี่ยวกับการทำลายวัตถุอันตรายที่ส่วนของน้ำมันเครื่อง

วิธีล้างหม้อน้ำนั้นไม่ยากเลยนะคะ คุณสามารถทำได้เอง คุณลองล้างหม้อน้ำเองดูนะคะ

ทีมา: WWW.CASTROL.COM

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น