เวลาฝนตกถนนก็ลื่น ขับรถก็ลำบาก แถมรถติด น้ำก็ท่วม ถ้าเกิดซวยรถมาเสียกลางฝนอีก โอ้ละพ่อ!! ทุกคนคงไม่ชอบปัญหาเหล่านี้แน่นอน วันนี้เราจึงมีวิธีขับขี่รถเมื่อฝนตก ถนนลื่น มาฝากกันคะ ^_^
 |
วิธีขับขี่รถเมื่อฝนตก ถนนลื่น |
ก่อนอื่นนะคะ ขอบอกว่าเราไม่สามารถทราบว่าฝนจะตกตอนไหน เมื่อไหร่ เราไม่ใช่หมอดู ถึงเป็นหมอดูก็ทำนายเวลาฝนตกไม่ได้ 555 ขับรถอยู่ดีๆ ฝนตกหนักซะงั้น เซ็งเลย >_< ภาวนารถอย่ามาเสียตอนนี้ด้วยนะ ดังนั้นคนมีรถอย่างเราจึงต้องเตรียมรถยนต์ของเราให้พร้อมขับขี่รถเมื่อฝนตก ถนนลื่น ก่อนออกสตาร์ทอย่างปลอดภัยตลอดเส้นทาง ดังต่อไปนี้
- เช็คผ้าเบรก – อย่างที่ทราบกันดีว่า เมื่อเกิดฝนตกถนนก็จะลื่น เบรกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราสามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัย หากรถเราเริ่มมีเสียงขณะเบรก เนื่องจากผ้าเบรกเริ่มเสื่อม หรือเริ่มรู้สึกเบรกไม่ค่อยอยู่ ควรรีบตรวจเช็กและเปลี่ยนผ้าเบรกเสีย เมื่อต้องเบรกกระทันหันจะได้สามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัย
- เปลี่ยนใบปัดน้ำฝน – เพื่อทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน เมื่อเห็นว่าใบปัดน้ำฝนรีดน้ำออกไม่หมด หรือปัดได้เป็นช่วง ๆ ไม่เรียบ หรือเกิดเสียงขณะปัด เนื่องจากยางปัดน้ำฝนเริ่มเสื่อมสภาพ หากต้องการยืดอายุการใช้งานของใบปัดน้ำฝน ควรฉีดน้ำล้างกระจกทุกครั้งที่ปัดน้ำฝน เพื่อให้ฝุ่น หรือโคลนที่เกาะอยู่ที่กระจกอ่อนตัวลงก่อน จะทำให้ปัดง่ายขึ้น และไม่ทำให้ใบปัดน้ำฝนเสียดสีกระจก ทำให้ยางชำรุดได้ง่าย
- เช็คลมยาง และสภาพยาง – ควรตรวจเช็คลมยางเป็นประจำสัปดาห์ละครั้ง ระวังอย่าให้ลมยางอ่อนหรือแข็งเกินไป จะทำให้ทรงตัวลำบากในหน้าฝน นอกจากนี้ หากดอกยางสึกหรอไปมากจะมีผลต่อการเกาะถนนของรถ ทำให้รถเบรกไม่ค่อยอยู่
- วางแผนก่อนออกเดินทาง – เมื่อต้องเดินทางในช่วงฝนตก ควรเตรียมข้อมูลสำหรับการเดินทางให้พร้อม โดยเลือกเส้นทางที่ใช้เวลาน้อยที่สุด และควรตรวจสอบเส้นทางจราจร หรือเส้นทางลัด เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด เกิดน้ำท่วม หรือเกิดอุบัติเหตุ ที่สำคัญ ควรเตรียมหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน ในกรณีรถเกิดอุบัติเหตุ หรือรถเสียกลางทางไว้ด้วย
- ขับรถอย่างระมัดระวัง – เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ออกเดินทางได้เลย ช่วงฝนตกอย่างนี้ไม่ควรใช้ความเร็วสูงจนเกินไป เพราะอาจเสียหลักได้ง่าย ระวังอย่างเข้าโค้งด้วยความเร็ว และอย่าแตะเบรกกระทันหัน เพราะอาจทำให้ท้ายรถปัด ไม่ควรขับเข้าใกล้รถคันหน้ามากนัก ควรเว้นระยะห่าง เผื่อระยะเบรกพอสมควร แต่หากเกิดเบรกไม่อยู่ ควรเบรกย้ำ ๆ จะทำให้รถหยุดได้ดีกว่าการเหยียบแช่ไว้
เมื่อฝนตกลงมาแล้ว เราจะมีวิธีขับขี่รถเมื่อฝนตก ถนนลื่นอย่างไร มาดูกันต่อคะ
.jpg) |
วิธีขับขี่รถเมื่อฝนตก ถนนลื่น
ฝนที่ตกในช่วงแรกจะทำให้ถนนลื่นที่สุด ฝนที่ตกในช่วงแรกจะทำให้การขับขี่ยากที่สุดเพราะโคลนและ
น้ำมันที่อยู่บนพื้นผิวจะรวมตัวกับน้ำฝน กลายเป็นชั้นผิวลื่นๆบนพื้นถนน
ดังนั้นคุณต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างมากในช่วงที่ฝนตก วันที่อากาศมีเมฆมาก
จะทำให้การมองเห็นลดลง ใช้ความระมัดระวังมากขึ้นเมื่อขับผ่านรถคันอื่น
หากฝนตกหนักไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน ในกรณีที่ฝนตกหนัก ไม่สมควรที่จะเปิดไฟฉุกเฉิน เนื่องจากไฟฉุกเฉินมีไว้เพื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้น และจะทำให้แยกไม่ออกหากมีรถที่ได้รับอุบัติเหตุเปิดไฟฉุกเฉินและจอดที่ข้างทาง รวมทั้งจะไม่สามารถให้สัญญาณเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายจากการที่รถที่ตามมาด้านหลังคาดเดาทิศทางของรถไม่ได้
ขับให้ช้าลงเมื่อฝนตก สิ่งสกปรกและน้ำมันบนถนนจะรวมตัวกันทำให้ถนนลื่นทำให้รถเกิดการไถลได้
เรียนรู้ไว้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อเกิดการลื่นไถลขึ้น การลื่นไถลเกิดขึ้นได้เสมอ จำไว้ว่าอย่าเหยียบเบรคอย่างรุนแรงเมื่อเกิดการลื่นไถล อย่าย้ำเบรคซ้ำๆ ถ้ารถของคุณมีระบบป้องกันล้อล๊อกจากการเบรค (ABS) สิ่งที่ต้องทำเมื่อเกิดการลื่นไถลคือ เหยียบเบรคอย่างมั่นคง ที่ระดับความหนักที่สม่ำเสมอ และ ควบคุมพวงมาลัยให้อยู่ในทิศทางที่รถไถลไป
ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้า ควรทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าพอสมควร เนื่องจากในสภาวะอากาศที่ไม่ปกติอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา
ถ้าฝนตกหนักมากให้หยุดรถ ให้จอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย จนกระทั้งฝนซา หรือ หยุด กระณีที่ต้องจอดบนไหล่ทาง ให้จอดรถห่างจากถนนให้มากที่สุด และ เปิดไฟฉุกเฉินไว้ด้วย เพื่อเตื่อนให้รถที่วิ่งมารู้ว่ามีรถจอดอยู่
ขับตามคันข้างหน้า พยายามหลีกเลี่ยง การใช้เบรค
ใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น เปิดไฟหน้ารถ เพื่อช่วยในการมองทาง และ
ทำให้รถคันอื่นเห็นรถคุณได้ดีขึ้น
เรียนรู้ว่าจะหลีกเลี่ยงและรับมือกับการเหินน้ำได้อย่างไร การเหินน้ำเกิดขึ้นเมื่อปริมาณน้ำที่อยู่ที่หน้ายางรวมตัวกันมากกว่าปริมาณน้ำที่ยางสามารถไล่ออกไปได้ แรงดันของน้ำทำให้ยางยกตัวสูงขึ้นจากพื้นถนน และไถลอยู่บนฟิล์มบางๆ ของน้ำที่อยู่ระหว่างยางกับถนน ดังนั้นการเจอแอ่งน้ำตามถนนอาจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ควรเตรียมพร้อมโดยการขับขี่ทั้งสองมือและประคองพวงมาลัยให้มั่นคงเมื่อคาดเดาว่าจะเจอแอ่งน้ำ เพราะการเหิรน้ำจะทำให้รถสะบัดและอาจจะเปลี่ยนทิศทางได้ง่าย ซึ่งควรจะเตรียมพร้อมรับมือโดยการไม่ขับรถเร็วเกินไปและควรหลีกเลี่ยงแอ่งน้ำ
ถนนน้ำท่วม ทำไงดี ถ้าหลีกเลี้ยงได้ หรือมีทางที่จะอ้อมถนนที่น้ำท่วมสูงได้ก้ควรเลี่ยง แต่ถ้าจำเป็นต้องฝ่าไป สิ่งที่ควรทำคือ ปิดแอร์ซะ หรือปุ่ม A/C นั่นแหละครับ เพราะว่าคอมแอร์ ดังนั้น ถ้าอุปกรณ์ยังทำงานไปด้วย โดนน้ำท่วมไปด้วย มันจะพังครับ แต่ถ้าน้ำท่วมไม่สูงมาก ก็ขับผ่านได้เลย
ทำให้เบรคแห้งหลังจากลุยน้ำมา แตะเบรคเบาๆ เพื่อให้ผ้าเบรคแห้ง หลังจากลุยน้ำหรือแอ่งน้ำ
สุดท้ายอย่าขับรถขณะคุณอ่อนล้า หยุดพักทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หรือ ทุกๆ 100 กิโลเมตร เพื่อบรรเทาความเมื่อยล้า
|
ขอให้ทุกคนขับรถอย่างมีสตินะคะ ไม่ว่าเดินทางไปไหน ก็ขอให้คุณเดินทางโดยสวัสดิภาพคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น